Wednesday, August 6, 2008

Mac Marketshare at Universities Booming?

Mac Marketshare at Universities Booming?


The DailyPrincetonian reports on a growing trend amongst at least some universities.

The
Princeton University newspaper reports that Princeton's Mac marketshare has been rising dramatically, with 40 percent of students and faculty currently using a Mac as their personal computer. This number is up from only 10% of Mac users on campus only 4 years ago. And this number could still be growing. This year, the University's Student Computer Initiative reportedly sold more Macs than PC's, with 60 percent of students choosing a Mac, up from 45 percent just last year. Students were offered a choice of Dell, IBM and Apple computers.

This follows a
recent report that looked at a similar trend at many other colleges. According to a separate Pioneer Press survey, Dartmouth is up to 55% freshman with Macs (up from 30% in 2005), University of Virginia with 20% of freshman with Macs (up from 17% in 2006), and Cornell with 21% dorm network users with a Mac (up from 5% between 2000-2002).

PioneerPress attributes the uptick in sales to the popularity of the iPod, security of Mac OS X, design and ease of use.

These numbers are much higher than the general population, in which Mac marketshare numbers have been hovering around 5-6%. (All of these figures may not be directly comparable, as marketshare numbers typically represent new sales in a particular time-period rather than the installed base. Regardless, the numbers are still significantly higher than would be expected.)

และแล้วแมคก็ขายดีกว่าพีซีในมหาวิทยาลัย...

หนังสือพิมพ์ The Princetonian ของมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง Princeton University แห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ได้ออกมารายงานว่าจำนวนผู้ใช้แมคในมหาวิทยาลัยนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเมื่อสี่ปีที่แล้วที่มีสัดส่วนผู้ใช้แมคเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ปัจจุบัน 40 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนทั้งหมดใช้แมคอยู่

ถ้ามาดูยอดขายภายในปีนี้แล้วนั้นศูนย์บริการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยนั้นขายเครื่องแมคได้มากกว่าพีซี โดย 60 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนเลือกซื้อแมค โดยศูนย์คอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยนั้นขายคอมพิวเตอร์แบรนด์เดลล์, ไอบีเอ็มและแอปเปิลในราคาพิเศษสำหรับนักศึกษา

นอกจากนี้แล้วถ้าเรามาดูที่มหาวิทยาลัยแห่งอื่นก็จะพบเทรนด์ที่คล้าย ๆ กัน ที่มหาวิทยาลัย Dartmouth นั้น 55 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนปีหนึ่งตอนนี้ใช้แมค สำหรับ University of Virginia นั้น 20 เปอร์เซ็นต์ของนักเรียนปีหนึ่งใช้แมค สำหรับที่ Cornell กว่า 21 เปอร์เซ็นต์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เข้าใช้ระบบเครือข่ายของหอพักมหาวิทยาลัยนั้นใช้แมค โดยแต่ละแห่งยอดผู้ใช้แมคเพิ่มขึ้นประมาณ 5-30 เปอร์เซ็นต์

Pioneer Press อ้างว่าสาเหตุที่นักศึกษาเริ่มหันมาใช้แมคเนื่องจากเป็น “กระแสตอบรับ” จากสินค้าเครื่องเล่นเพลงพกพาอย่าง “ไอพ็อด” และรวมไปถึงหน้าตา การใช้งานที่ง่ายของ รวมไปถึงความปลอดภัยของ Mac OS X อีกด้วย

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ตัวเลขพวกนี้นั้นมากกว่าตัวเลขจริงของประชากรทั้งหมด โดยส่วนแบ่งตลาดของเครื่องแมคนั้นอยู่ที่ 5-6 เปอร์เซ็นในสหรัฐอเมริกา (ตัวเลขนี้ไม่ได้มาจากจำนวนเครื่องที่มีใช้อยู่แต่เป็นจำนวนเครื่องที่ขายได้ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น)

สำหรับเมืองไทยในขณะนี้ยอดผู้ใช้แมคก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการสังเกตการณ์จากร้ากาแฟต่าง ๆ รอบตัวผม-เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน สมัยยังเป็น AppleCentre กัน ไม่มี iStudio เหมือนทุกวันนี้


ที่มา : http://www.macrumors.com/

http://www.blognone.com/

วิเคราะห์ Apple Switch IBM to Intel.

เป็นข่าวใหญ่อีกข่าวแล้ว สำหรับโลกของไอที หลังจาก IBM ขาย PC Think Family Division ให้กับ Lenovo และ Adobe ซื้อ Macromedia

คราวนี้ Apple ผู้ผลิต Personal Conputer ภายใต้ชื่อว่า Macintosh หรือเรียกสั้นๆ ว่า Mac โดยใช้ระบบ Operating Systems ในชื่อว่า Mac OS ซึ่งในรุ่นปัจจุบันที่เพิ่งเปิดตัวไปคือ Mac OS X Tiger ซึ่ง X (อ่านว่า “เท็น” อ่านตามภาษาโรมัน) นั้นก็คือ 10 หรือรุ่นที่ 10 และ Tiger คือ Codename ในการพัฒนา ซึ่งอยู่ในสายการผลิตที่ 10.4 นั้นเอง

หลังจากการเปิดตัว Mac OS X Tiger มาไม่นาน โดยพัฒนาการอย่างยาวนานโดยใช้ฐานการพัฒนาจาก BSD Base ซึ่งเป็นกลุ่มของ Operating Systems ของฝ่าย OpenSource Software นั้นเอง

ในความคิดของผมนั้น การที่ Apple ย้ายการใช้ Chip จากผู้ผลิตอย่าง IBM มาเป็น Intel แถมด้วยสถาปัตยกรรม x86 อีกต่างหากเนี่ยน่าจะเป็นหลายปัจจัยด้วยกัน อย่างแรกคือในตอนนี้ Apple นั้นได้รับผลกระทบต่อการล่าช้าของการออกสินค้ารุ่นใหม่ๆ ของ IBM รุ่น PowerPC G5 นั้นเอง การไม่สามารถ หรือไม่เร่งพัฒนาความสามารถหรือความเร็วในการทำงานของ G5 ได้ตามที่ Apple ต้องการประกอบกับการใช้พลังงานของตัวระบบที่นำมาสนับสนุนที่มาก รวมถึงความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไม่สามารถนำมาใส่ใน PowerBook รุ่นต่อไปได้ ทำให้ Apple น่าจะเห็นทางตันในการนำ G5 ของ IBM มาพัฒนาต่อหรือทำให้ใช้งานได้ทั้ง Desktop, Server, Laptop และ Mobile Portable อื่นๆ ในอนาคต เพราะผมคาดว่า Apple น่าจะทำ Tablet PC หรืออุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กๆ ออกมานอกเหนือจาก iPod และ PowerBook/iBook คาดว่าน่าจะได้เห็น PDA จาก Apple ในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้ตลาด MP3 Player ที่มี iPod เป็นหัวเรือใหญ่นั้น เริ่มถึงจุดคุ้มทุน รวมถึงอิ่มตัวในด้านเทคโนโลยีในอีกไม่นานนี้แล้ว ซึ่ง Apple อาจจะกำลังหาสิ่งใหม่ๆ ที่มากระชากตลาดอีกครั้ง ไม่แบบ Think Different นั้นเอง

แต่ Apple ไม่ใช่ PC ที่ใครๆ ก็เอา Windows มายัดลงไป หรือเอา Mac OS X ไปยัดใส่ PC ธรรมดาได้ง่ายๆ ผมคาดว่า Apple จะทำ ระบบ Hardware ต่างๆ แบบระบบปิดเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยน CPU และรับบการทำงานร่วมกันไปในทางที่ดีขึ้นโดยไม่ปล่อยให้เกิด Mac Clone เกิดขึ้น เพราะ Apple มีจุดเด่นที่มี Hardware ที่เป็นระบบปิด ได้รับการพัฒนาเฉพาะแบบ เพื่อ Mac OS จะได้ทำงานได้อย่างราบรื่น และไม่มีปัญหาแบบ Driver ร้อยพ่อพันแม่้ แบบ Windows แล้วทำให้ ระบบ OS ล่มไป ซึ่งทำให้ระบบ System มีความเสถียรภาพ หมดปัญหาการเข้ากันไม่ได้ของ Hardware ซึ่งเป็นปัญหาทางด้านของ PC ทั่วไปเจอ แล้ว Apple มีระบบ Opersting System (OS) ที่ดี และเข้าใจง่ายตรงไปตรงมา มีโปรแกรมที่ทำงานร่วมกับระบบ OS ที่ดี และใช้งานง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ผมยังไม่เชื่อว่า Apple ที่เป็นผู้ผลิต Hardware แล่้วขายพ่วง Software ราคาถูกเพื่อให้ผู้ใช้ซื้อ Hardare ที่มีราคสูง และมีประสิทธิภาพสูง ไปใช้ แล้วจะกระโดดมาทำแต่ Software หรืออุปกรณ์เสริม อย่างที่หลายๆ คนคิด

แต่ที่แน่ๆ ความเป็น Apple นั้นก็ยังคงเป็น Apple อยู่ รูปลักษณ์ของตัว Hardware ที่ดูโดดเ่ด่นกว่าผู้ผลิตรายอื่นเป็นสิ่งที่ได้เปรียบอย่างมากในการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ โดยคนที่ใช้ Mac บางกลุ่มซื้อมาใช้งานและติดใจนั้น ในครั้งแรก ซื้อเพราะ “สวย ทันสมัย เท่” มาก่อน ซึ่งนี่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ ในจุดหนึ่งเลยทีเดียว

อีกเรื่องที่ผมเพิ่งคิดออก

การที่ Apple ย้ายการใช้งาน CPU จาก IBM มา Intel น่าจะมาจากต้นทุนการผลิตตัวสินค้า ผมว่า Apple ต้องการแข่งขันในตลาดไปในทางที่ดีกว่านี้ ตอนนี้ Apple ไม่ต้องการขายแค่ Stable หรือเสถียรภาพอย่างเดียวแล้ว Apple มองกว่า ยิ่งคนใช้ iPod มากเท่าไหร่ ก็อยากจะมาใช้ Mac มาเท่านั้น จากข่าวเก่าๆ ก็เห็นว่าคนใช้ Mac มากขึ้นเพรา iPod แต่ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ซื้อนั้นติดที่ราคาค่าตัวของ Mac ที่สูงกว่า PC ทั่วๆ ไปอยู่พอสมควรทีเดียว

ทำไมผมมองว่า iPod คือตัวชูโรง ผมอยากให้มองแบบนี้ว่า iPod คือเครื่องเล่นเพลง คนฟังเพลงมากกว่าคนใช้คอมพิวเตอร์มากครับ การที่ iPod มีส่วนแบ่งมากถึง 70% ในตอนนี้ (07/06/2005) นั้น ถ้าสินค้าที่ต่อพ่วงกับ iPod นั้นคือ Mac นั้นหมายถึงการเข้ากันได้ของตัวสินค้า คลายๆ กับ Sony นั้นหล่ะครับ ถ้า Mac ราคาถูกลงอย่างน้อยๆ สักลงมาสัก 60% - 75% ของราคาปัจจุบัน น่าจะมีการตัดสินใจซื้อมากขึ้นด้วยซ้ำไป ผมไม่คิดว่ากำไรจะน้อยลง แต่มากขึ้นด้วยเพราะต้นทุนลดลง ทำใ้หลดราคาลงมาได้อีกนี่เป็นผลดีกับ Apple เองครับ

แล้วสำหรับผู้ใช้เก่าๆ นั้นผมคิดว่ามากกว่า 80% คงทำใจได้ เพราะส่วนใหญ่ที่ใช้ก็ไม่ได้คิดว่ามันคือ PowerPC G5 จาก IBM หรือ Pentuim 4 จาก Intel ถ้าทุกๆ อย่างที่เคยใช้ หรือทำงานมันเหมือนๆ กันทุกอย่างไม่ต่างกัน เสถียรภาพเท่าเิดิม เหมือนตอน Motolora มา IBM ผมว่าทุกอย่างย่อมกลับเข้าที่เข้าทางของมันเองในไม่ช้าครับ ผมว่ามันเป็นเรื่องของการผลิต ยังไงคนใช้ก็ต้องใช้กันต่อไป

ถ้าเสือมันตระคุบเหยื่อได้อย่างที่เสือทำกันมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว มันก็คือเสือ ไม่ใช่แมว …..

ทำไมนะ Apple ถึงไม่ใช้ AMD ?

จากที่ได้อ่านเรื่อง Intel isn’t the only game in town “Why Not AMD ?” ในหนังสือ Mac World ฉบับมกราคม 2005 เมื่อกี้นี้ ได้อ่านบทวิเคราะห์ในเรื่องของการที่ Apple ไม่ใช้ Chip CPU Intel ว่า

“Jobs has a clear goal in mind: innovative design. And such designs require ultralow-voltage chips, which IBM and Freescale weren’t going to make with the PwerPC ship core and which AMD has not yet perfected”

แปลประมาณว่า jobs เนี้ยต้องการ Chip ที่ Design ในลักษณะ ultralow-voltage ซึ่ง IBM เองนั้นไม่สามารถทำให้ได้ และ AMD ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบพอ

และยังต่ออีกว่า “นี่เป็นความเหมาะสมในทางปฎิบัติ ซึ่งต้องทำอย่างจิงจัง โดยการตัดสินใจของ Jobs เอง”

โดยในงาน IDC (Intel Developer Con.) นั้นทาง Intel ได้บ่งบอกถึงสายการผลิตที่สมบูรณ์ของ chip ที่ใช้พลังงานต่ำ (low-power) ที่ใช้ในตลาด mobile และ computer ขนาดเล็ก

Jobs นั้น ก็ชอบ AMD ในเรื่องของการใส่คุณสมบัติต่างๆ มากมาย ใน road map แต่ว่า นั้นก็ทำให้เกิดปัญหาที่มองข้ามไม่ได้คือ “ทุกๆ อย่างที่อยู่ใน road map ต้องเป็นไปได้ทั้งหมด” และในอนาคตอันใกล้นี้ AMD ก็ยังไม่สามารถออก low-voltage และ ultralow-voltage processors ได้แน่นอน ซึ่ง AMD ยังต้องพัฒนา chip ที่ทำงานได้ในสถาพการใช้พลังงานที่ต่ำแบบเดียวกับ Pentium M และรวมไปถึงการที่สามารถขายในราคาที่ยอมรับได้ด้วย และต้องมีทรัพยากรที่เพียงพอต่อการรับ load การผลิตที่สูงๆ ได้ตามที่ตลาดของ Apple ต้องการ

โดยตัวเลือกจาก Intel ที่ Apple ได้เลือกในตอนนี้คือ Yonah ที่เป้น low-power/dual core ship ที่เอามาใช้สำหรับ Notebook โดย Yonah นั้นจะจำหน่ายในปี 2006

“Yonah นั้นมีสิ่งที่เหมาะสมกับ Apple โดยที่ Yonah นั้นจะเป็นตัวจักรสำคัญให้กับกับ Apple notebook ได้ ซึ่ง AMD นั้นยังคงกำลังพัฒนา low-power, dual core chip ที่บาง และเล็ก เพื่อใช้ใน notebook อยู่ แถมก็ยังไม่ได้บอกว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะสำเร็จ แต่ว่า Yonah นั้นเป็น x86 Architecture ซึ่ง Apple ต้องทำให้ softwae ที่ทำงานบน x86 Architecture ได้อย่างสมบูรณ์เสียก่อนด้วย” Kevin Krewell, editor in chief of Microprocessor Report กล่าว

ในด้าน Performance นั้น Intel และ AMD นั้น ในการต่อสู้กับในตลาดมายาวนาน ดูเหมือนจะพลัดกันแพ้ชนะมาเรื่อย และบริษัททั้งสองก็มี dual core chip ที่มีความร้อนสูงอยู่ และแถมยังไม่สามารถทำความเร็ว clock speed ได้สูงไปกว่าที่เป็นอยู่ได้มาเป็นเวลานานแล้ว

ซึ่ง Intel จะจัดการกับปัญหานี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2006 นี้ โดยจะเป็น low-power, dual-core chips โดยที่ Brookwook จาก Intel ยืนยันหนักแน่นว่าจะใช้พลังงานที่ต่ำกว่าเดิม และมี performance มากขึ้น แต่จะไม่ปรับ Mhz ให้สูงขึ้น

โดยที่ “Intel ได้เลิกความคิดในเรื่องของสงครามตัวเลข Mhz ไปแล้ว และมันคงเป็นสิ่งที่ Jobs ต้องการได้ยิน ซึ่ง Jobs คงไม่ต้องการได้ยินการลดความเร็ว clock speed ของ Intel มากกว่าที่ PowerPC ได้ทำไว้” Brookwook จาก Intel ได้กล่าวไว้ และทิ้งท้ายไว้ว่า “Application performance ของ Mac นั้น คงไม่ต้องการ chip ที่มีความเร็วต่ำกว่าที่ควรจะเป็น”

มันเป็นไปได้ไหมว่าว่า Apple อาจจะใช้ AMD Processor ในอนาคต หลังจากที่ Transition ไป x86 Architecture แล้ว ? นาย Brookwood ได้กล่าวว่า “สำหรับ Apple แล้วนั้น การที่จะย้ายไป AMD นั้น ทาง AMD ต้องมี low-power chip เสียก่อน ซึ่ง Intel ของเรานั้นมี สินค้าในส่วนที่ ที่มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ อยู่แล้ว และคงเป็นการยากที่จะทำในหลายๆ เรื่อง”

4P

Promotion Pic


Price List



Swot






































































Tuesday, August 5, 2008

ความเร็วของ Mac



ลั๊กอินภาษาไทยสำหรับ Mac OS X

โดย ขจร พีรกิจ kajorn@mac.in.th

ข่าวดีสำหรับผู้ที่รอคอยจะใช้งานภาษาไทยกับโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด บนระบบปฏิบัติการแมคโอเอสเท็น เพราะตอนนี้ทางบริษัทแมคอินทอชเซ็นเตอร์ผู้พัฒนาระบบภาษาไทยได้ทำการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานภาษาไทยด้วย Font ที่เราใช้กันทั่วไปให้พิมพ์งาน และอ่านไฟล์งานไมโครซอฟท์เวิร์ด ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยคาดว่าผู้ที่ใช้งานสามารถ Download ได้ที่ www.maccenter.co.th ในเร็ววันนี้

หลายคนอาจจะวิตกกังวลว่าการใช้งานเวอร์ชั่นใหม่นี้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ก็ได้คำตอบมาจากผู้พัฒนาว่าถ้าใช้งาน TSP บน Mac OS X ได้อยู่ในขณะนี้ก็สามารถ Download เวอร์ชั่นใหม่นี้ใช้ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนตัวฮาร์ดล็อคที่ใช้งานอยู่

สำหรับการใช้งานในไมโครซอฟท์เวิร์ดนั้นมีหลักในการใช้งานที่จะต้องระมัดระวังก็คือในพิมพ์ smart quote ทั้งแบบเดี่ยวและแบบคู่จะมีผลให้ตำแหน่งของเคอร์เซอร์ในบรรทัดนั้นอยู่ผิดตำแหน่ง ควรปิดความสามารถของ Microsoft Word ในการปรับ smart quote โดยอัตโนมัติในขณะที่พิมพ์ โดยไปที่เมนู Tools/AutoCorrect

จากนั้นไปที่แท็บ AutoFormat As You Type แล้วคลิกยกเลิกหัวข้อ "Straight quotes" with "smart quotes" (จะต้องไม่มีเครื่องหมายถูกอยู่หน้าข้อ) และในกรณีที่ต้องการพิมพ์ smart quote ให้ใช้แป้นพิมพ์ร่วมกับการกดแป้น shift และ option คือ option-[ และ shift-option-[ สำหรับพิมพ์ smart quote แบบคู่ option-] และ shift-option-] สำหรับพิมพ์ smart quote แบบเดี่ยว

นอกจากนี้ในบรรทัดที่มี smart quote และหลังจากนั้นมีการเคาะแป้น space จะมีผลให้ข้อความในบรรทัดนั้นแสดงผลผิดตำแหน่ง คือจะมีตัวอักษรบางตัวซ้อนทับกัน ให้แก้ไขโดยการไปที่เมนู Word/Preference จากนั้นไปที่ส่วนของ Spelling and Grammar แล้วคลิกยกเลิก Check spelling as you type ภายใต้หัวข้อ Spelling (จะต้องไม่มีเครื่องหมายถูกอยู่หน้าข้อ) ในส่วนอื่นๆ ที่เป็นการใช้งานโดยทั่วไปเราก็สามารถใช้พิมพ์งานได้ปกติ

นอกจากเราสามารถใช้งานในไมโครซอฟท์เวิร์ดได้อย่างดีแล้ว โปรแกรม Thai Support Plug-in 5.0 ยังได้มีการปรับปรุงการใช้งานเกี่ยวกับแป้นพิมพ์ไทยใน Adobe Illustrator Adobe InDesign และ Adobe Photoshop ให้สามารถพิมพ์อักขระพิเศษได้อย่างถูกต้อง เช่น ๚๚ ๛ ๚ € ? ? ? และแก้ปัญหาเครื่องหมายคำพูดที่มักจะพบเวลาใช้งานใน Adobe InDesign

ความสามารถทั้งหมดนี้สามารถไปสัมผัสและทดลองใช้กันได้ที่งาน Commart Thailand'04 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 พฤษภาคมนี้ โดยสามารถสอบถามการใช้งานกับพนักงานที่อยู่ประจำได้ สำหรับผู้ที่กำลังรอคอยการใช้งานกับโปรแกรมกราฟฟิกจากค่าย Adobe ในชุดของ Adobe CS นั้น จะมีข่าวดีให้กับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.3.3 ในเร็วๆ นี้ แน่นอน

ก่อนจากกันในฉบับนี้ต้องขอบอกกล่าวถึงระบบปฏิบัติการ Mac OS X ในเวอร์ชั่นต่อจากเสือดำ Panther เพราะในเวอร์ชั่นต่อจากนี้จะเป็นเวอร์ชั่น 10.4 ที่ได้รับ Code name ว่า "Tiger" โดย Steve Jobs CEO ของแอปเปิลจะทำการเปิดตัวในงาน Worldwide Developers Conference "WWDC2004" ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ที่ซานฟรานซิสโก เราคงต้องอดใจรอลุ้นว่าจะมีทีเด็ดอะไรในเจ้า Tiger ตัว

Apple computer

บริษัท แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ (Apple Computer)
ก่อตั้งเมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ที่เห็นเป็นโลโก้ ในใบโฆษณา
และคู่มือ Apple-1 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกของโลก)
ที่ผู้ก่อตั้ง คุณ Steve Jobs และ Steve Wozniak ทำแจกเมื่อปี 1979
ปัจจุบัน Apple เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดัง
อย่าง Macintosh (Mac) และ iPod
เชื่อกันว่า แผ่นโฆษณาในตอนนั้น ออกแบบโดยคุณ Steve Jobs
ผู้ก่อตั้ง บริษัท Apple และ Pixar (ผู้ผลิตภาพยนต์ Toys Story,
A Bug’s Life, Monsters Inc, Finding Nemo, The Indredibles และ Cars)
ปัจจุบัน คุณ Steve Jobs เป็น CEO บริษัท Apple
และ เป็นกรรมการบริหารบริษัท Disney และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Disney ด้วย
ในโลโก้มี ภาพนักวิทยาศาสตร์ก้องโลก เซอร์ ไอแซก นิวตัน
นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล พร้อมตัวหนังสือเขียนว่า
“Newton…A Mind Forever Voyaging Through Strange Seas of Thought…Alone.”
แปลตามประสารายวันว่า
นิวตัน จิตใจท่องเที่ยวไปในห้วงทะเลแห่งความคิด ชั่วนิรันดร์ แต่เพียงผู้เดียว

ประวัติ

แมคอินทอช (Macintosh) หรือที่รู้จักในชื่อย่อว่า แมค (Mac) เป็นชื่อของผลิตภัณฑ์ที่พัฒนา ออกแบบ และจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล แมคอินทอชเครื่องแรกออกวางจำหน่ายเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2527 ออกแบบโดย เจฟ ราสกิน โดยถือว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก และเมาส์ ซึ่งไม่ได้ใช้คอมมานด์ไลน์เหมือนคอมพิวเตอร์ทั่วไปในขณะนั้น โดยในส่วนประเทศไทย บริษัท สหวิริยา โอเอ จำกัด เป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรายแรก ซึ่ง แมคอินทอชรุ่นแรกที่ บริษัท สหวิริยา ได้เปิดตัวและทำตลาดเป็นรุ่นแรกคือ Macintosh Plus ซึ่งตลาดที่ บริษัท สหวิริยา ทำในขณะนั้น ส่วนใหญ่เป็น สำนักพิมพ์ นิตยสาร โรงพิมพ์ บริษัท ออกแบบ และบริษัท โฆษณา ซึ่งนับได้ว่า Macintosh เป้นผู้เริ่มพลิกวงการพิมพ์ และออกแบบ โดยใช้ ระบบปฏิบัติการ ที่ถือว่า ฉลาด และเป็นมิตร กับ ผู้ใช้งาน (user) มากที่สุดในขณะนั้น แต่เนื่องจากราคาที่สูงมากในขณะนั้น (คาดว่าหลัก แสนขึ้นไป สำหรับ แมคพลัส) ทำให้ยังไม่แพร่หลายในหมู่ ผู้ใช้ทั่วไป

เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชปัจจุบันมีผู้ควบคุมการออกแบบ คือ โจนาธาน ไอฟ์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักในชื่อสายการผลิต ไอแมค และแมคโปร สำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแมคบุ๊ก (ไอบุ๊ก) และแมคบุ๊กโปร (พาเวอร์บุ๊ก) สำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

เครื่องคอมพิวเตอร์แมคโดยทั่วไปจะมีการติดตั้งซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเฉพาะในชื่อแมคโอเอส ซึ่งรุ่นปัจจุบันคือ Mac OS X v10.5 "เลเปิร์ด" ซึ่งในปัจจุบันแมคอินทอชสามารถทำงานระบบปฏิบัติการอื่นเช่น ลินุกซ์ หรือ วินโดวส์ได้

แมคอินทอชรุ่นต่าง ๆ

    • <<ค.ศ. 2008>> MacBook Air,เป็นโน๊ตบุ๊คที่ทางแอปเปิ้ลโฆษณาว่าบางที่สุดในโลก แต่ก็ยังมีของบริษัทอื่นที่บางกว่าอยู่ ออกโชว์ครั้งแรกในงาน Mac world 2008







Mac cafe is

Promotion



























  1. มาเสียทีครับ โปรโมชั่นดีๆ ของเดือนนี้ กับ MacBook Air รุ่น 1.8GHz ทั้งสองรุ่น รุ่น 1.8GHz 80GB HD ราคา 76,900 บาท รับฟรีไปเลย MacBook Air SuperDrive มูลค่า 4,260 บาท และรุ่นท็อป 1.8GHz 64GB Solid State Drive ลดราคาจาก 112,990 บาท เหลือเพียง 95,390 บาท ลดไปเกือบสองหมื่น และยังรับสิทธิ์ซื้อ MacBook Air SuperDrive ได้ในราคาเพียง 1,499.- นอกจากนั้นยังได้รับกระเป๋าใส่เครื่อง และส่วนลดสินค้าอื่นๆ ที่ซื้อพร้อมเครื่องอีก 5-30% สำหรับรุ่นเล็กสุด 1.6GHz ราคาไม่เปลี่ยนแปลงครับ (แต่ลองสอบถามเรื่องมา เรื่องของแถม เรามีอะไรๆ พิเศษให้ได้ครับ)
  2. - ตอนนี้เรามีสินค้าราคาพิเศษ ที่หาไม่ได้ง่าย ๆ หลาย ๆ คนที่ตั้งตารอคอย ตอนนี้ต้องรีบหน่อย ก่อนหมดอีกนะครับ
  3. - ล่าสุด โปรโมชั่นล้างสต็อก Apple TV 40GB รุ่นแรก ราคาเพียง 9,990.- บาทเท่านั้น (ราคาปกติ 13,040.- บาท) ประหยัดกว่า 3,000.- บาท (รุ่นแพคเกจเก่า แต่สามารถอัพเป็นเวอร์ชั่น 2 ได้)
  4. iMac รุ่นใหม่ยังฮอตฮิตไม่เลิก แรงขึ้นเร็วขึ้นด้วยชิปใหม่ล่าสุด เริ่มตั้งแต่ 2.4,2.66,2.8 และ 3.06GHz Intel Core 2 Duo ที่มี L2 cache ถึง 6MB พร้อมบัสสปีด 1066MHz และรองรับเมโมรี่ DDR2 800MHz พร้อมทั้งในรุ่น 24 นิ้ว ยังสามารถสั่งพิเศษการ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce 8800GS 512MB GDDR3 ได้อีกด้วย! แรงแบบนี้ สั่งจองด่วน! สั่งก่อน ก็ได้เครื่องก่อนครับ ราคาปรับลดลงอีกด้วย คุ้มมากๆ

แอปเปิลเผยรายละเอียดของ Snow Leopard

ถึงใน Keynote ของสตีฟ จ็อบส์ นั้นจะไม่ได้ลงรายละเอียดของ Mac OS X 10.6 เลย แต่ตอนนี้แอปเปิลอัพเดตหน้าเว็บของ Snow Leopard แล้ว
ทิศทางของ Snow Leopard ก็ตรงตามข่าวลือที่เปิดเผยมาก่อนหน้านี้ Mac OS X 10.6 “Snow Leopard” เน้นขัดเกลาประสิทธิภาพมากกว่าเพิ่ม Feature ที่ระบุในเว็บไซต์มีดังนี้ครับ
สนับสนุน Microsoft Exchange อย่างเต็มที่ - เราเห็นได้ชัดมากจาก iPhone 3G ว่าแอปเปิลกำลังเริ่มรุกเข้าสู่ตลาด enterprise ซึ่ง Exchange ครองตลาดอยู่ ผมว่าอีกไม่นานเราอาจเห็นประกาศแบบเดียวกันสำหรับ Lotus Notes และ Sharepoint
มัลติคอร์ - ทิศทางของโลกซีพียูเปลี่ยนจาก Megahertz race มาเป็นแข่งจำนวนคอร์ แต่วิธีการประมวลผลยังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไรนัก ระบบปฏิบัติการเลยยังดึงประสิทธิภาพของซีพียูออกมาได้ไม่เต็มที่ ใน Leopard เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญ แอปเปิลเรียกชุดของเทคโนโลยีที่จะรองรับมัลติคอร์ว่า Grand Central ซึ่งยังไม่บอกว่ามีอะไรบ้าง
64 บิท - อันนี้คงปกติ
QuickTime X - แอปเปิลเรียกมันว่าเป็นแพลตฟอร์มใหม่ของมัลติมีเดียออนไลน์ โดยให้รายละเอียดแค่ว่าสนับสนุน codec ใหม่ๆ มากขึ้น และการเล่นมัลติมีเดียที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
OpenCL (Open Compute Library) - เป็นไลบรารีสำหรับดึงพลังจาก GPU ที่โดยมากมักอยู่เฉยๆ มาทำงานประมวลผลทั่วไปแทน
ว่าแต่อะไรคือฟีเจอร์ลับสุดยอด ที่ถูก (แกล้ง) ลืมไปใน Leopard ละเนี่ย?

ยอดขายแมคอินทอชดันกำไรแอปเปิลพุ่ง 36%

แอปเปิลประกาศผลประกอบการไตรมาสสองปีการเงิน 2008 (มกราคม-มีนาคม) พบยอดขายคอมพิวเตอร์แมคอินทอชดันกำไรแอปเปิลพุ่ง 36% เฉพาะแมคบุ้ก (MacBook) ยอดเพิ่ม 51% ขณะที่ยอดขายไอพ็อด (iPod) ตลอดสามเดือนเกิน 10 ล้านเครื่อง กำไรสุทธิของแอปเปิลตลอดสามเดือนแรกของปีคือ 1.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับที่แอปเปิลเคยทำได้ 770 ล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแอปเปิลเปิดเผยว่าจัดส่งคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรวมทั้งสิ้น 2,289,000 เครื่องตลอดไตรมาส คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 51% รายได้จากตลาดโลก (นอกสหรัฐอเมริกา) ของแอปเปิลในไตรมาสนี้คิดเป็นสัดส่วน 44% ของรายได้รวม แตะระดับ 7.51 พันล้านเหรียญ สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ซีอีโอแอปเปิลระบุว่า รายรับรวมของแอปเปิลในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นราว 43% ถือเป็นยอดขายที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคมในประวัติศาสตร์ของแอปเปิล แอปเปิลนั้นถือเอาเดือนมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมาเป็นไตรมาสสองปีการเงิน 2008 จุดนี้จ็อบส์ระบุว่า เมื่อรวมรายรับไตรมาสเดือนตุลาคมถึงธันวาคม จะพบว่าแอปเปิลมีรายรับรวมตลอดครึ่งปีการเงิน 2008 มูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านเหรียญแล้ว ถือเป็นจุดแข็งของแอปเปิลในช่วงเตรียมพร้อมก่อนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาสหน้าด้วย แอปเปิลระบุว่า จำหน่ายเครื่องเล่นเพลงไอพ็อดทั้งสิ้น 10,644,000 ตัว คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นสัญญาณที่น่ากลัวว่า ตลาดเครื่องเล่นเพลงพกพากำลังจะถึงจุดอิ่มตัว สำหรับยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสไอโฟน (iPhone) แอปเปิลระบุว่าอยู่ที่ 1.7 ล้านเครื่อง โดยที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยคลางแคลงใจในความสำเร็จของไอโฟนที่จ็อบส์มั่นใจมาตลอด เนื่องจากผู้ผลิตหลายค่ายพยายามเล่นสงครามราคาเพื่อดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ เช่น O2 และ Carphone Warehouse ที่ปรับลดราคาขายปลีกในตลาดอังกฤษลงมากมาย สำหรับไตรมาสนี้ (เมษายนถึงมิถุนายน) แอปเปิลคาดว่าจะมีรายรับรวม 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ Wall Street คาดการณ์ไว้ ส่งให้มูลค่าหุ้นแอปเปิลในตลาดปรับตัวลดลง 2.8%

แอปเปิลให้คำมั่นชูนโยบายสีเขียว หนุนเลิกใช้สารก่อพิษในผลิตภัณฑ์/ ตั้งเป้าใน 3 ปีเป็นผู้นำตลาดด้านการรีไซเคิล

แอปเปิลให้คำมั่นชูนโยบายสีเขียว หนุนเลิกใช้สารก่อพิษในผลิตภัณฑ์/ ตั้งเป้าใน 3 ปีเป็นผู้นำตลาดด้านการรีไซเคิล
จ้อบส์โต้กลุ่มสิ่งแวดล้อมชูนโยบายแอปเปิลสร้างสิ่งแวดล้อมสีเขียว ชูนโยบายลด เลิกการใช้สารก่ออันตรายโดยเฉพาะตัวจอภาพผลิตภัณฑ์ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แมคและเครื่องเล่นเพลงเอ็มพี3 ไอพ้อด พร้อมสนับสนุนนโยบายรีไซเคิล เทิร์นเครื่องเก่าที่ไม่ใช้แล้วมาแลกเครื่องใหม่ ตั้งเป้าภายในปี 2553 ขึ้นแท่นผู้นำด้านรีไซเคิลแซงหน้าเดลล์ และเอชพี
หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ ปิดปากเงียบต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ล่าสุดนายสตีฟ จ้อบส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทได้เขียนจดหมายเปิดผนึกผ่านเว็บแอปเปิลระบุถึงนโยบายต่างๆ ที่บริษัททำและมีเป้าหมายมุ่งไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยที่มาของการเปิดเผยในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมต่อการดำเนินงานของแอปเปิลนั่นเอง ในที่นี้อาจรวมถึงการเผยข้อมูลจากลุ่มกรีนพีซเมื่อเดือนก่อนจัดอันดับให้แอปเปิลรั้งท้ายบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นโยบายสีเขียวที่อยู่ในแผนดำเนินงานของแอปเปิลที่สำคัญได้แก่ การเลิกใช้สารปรอทซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายหากลงสู่น้ำที่ปัจจุบันเป็นส่วนประกอบในการผลิตจอภาพ โดยแอปเปิลระบุที่จะเลิกใช้หลอดภาพประเภทฟลูออเรสเซนท์ ซึ่งมีสารประกอบจากปรอทและจะหันไปใช้ไดโอทเปล่งแสง (แอลอีดี) แทน ซึ่งปัจจุบันจอภาพของเครื่องเล่นเพลงไอพ้อดต่างเปลี่ยนไปใช้หลอดแอลอีดีแล้วทั้งสิ้น ขณะที่จอของเครื่องคอมพิวเตอร์แมคคาดว่ารุ่นแรกที่ใช้จอผลิตจากเทคโนโลยีแอลอีดีจะวางตลาดได้ในปีนี้
แม้แอปเปิลมีแผนต้องการเปลี่ยนไปใช้หลอดภาพแบบแอลอีดีทั้งหมด แต่ความสำเร็จในการเลิกใช้หลอดภาพแบบเก่า แอปเปิลระบุว่ายังต้องขึ้นกับอุตสาหกรรมที่ผลิตหลอดแอลอีดีเองด้วยว่าจะผลิตออกมาได้ทันกับความต้องการในตลาดเร็วเพียงใด การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จึงต้องพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งในเชิงเทคนิคและเศรษฐกิจควบคู่กัน ทั้งแอปเปิลยังมีแผนจะเลิกการใช้สารเคมีอันตรายประเภทพลาสติกพีวีซีซึ่งใช้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั้งหมด รวมถึงเลิกใช้สารหน่วงการติดไฟโบรไมน์ (Brominated flame retardants) ภายในสิ้นปี 2551
นอกจากเลิกใช้สารเคมีอันตรายในผลิตภัณฑ์แล้ว แอปเปิลยังมีนโยบายสนับสนุนการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์โดยระบุว่า ร้านค้าของแอปเปิลทั้ง 150 แห่งในสหรัฐอเมริกาจะเป็นศูนย์รับคืนเครื่องไอพ้อดเก่าที่ผู้ใช้ไม่ต้องการแล้วโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และจะได้รับส่วนลดอีก 10% เมื่อซื้อไอพ้อดเครื่องใหม่จากทางร้าน โดยโครงการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์เก่าจะเร่งขยายให้ครอบคลุมร้านค้าของแอปเปิลที่มีอยู่ทั่วโลกภายในฤดูร้อนนี้ และจะเพิ่มโครงการรับจัดส่งสินค้าให้ฟรีสำหรับผู้ซื้อในสหรัฐอเมริกา
โดยแอปเปิลตั้งเป้าว่าภายในปี 2553 บริษัทจะเป็นผู้นำด้านการรีไซเคิลเหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นในอุตสหากรรมคอมพิวเตอร์ทั้งเดลล์ หรือฮิวเลตต์-แพ็คการ์ด (เอชพี)
ด้านบาร์บาร่า ไคลี ผู้ประสานงานระดับชาติของโครงการรับคืนคอมพิวเตอร์เก่า ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือที่พยายามกระตุ้นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้หันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แสดงความชื่นชมแอปเปิลที่พยายามสร้างความกระจ่างต่อสาธารณชนเกี่ยวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของตน แต่ยังมีข้อท้วงติงต่อนโยบายรีไซเคิล
โดยเฉพาะปัญหาการส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปรีไซเคิลในต่างประเทศ ซึ่งอาจหมายถึงผลิตภัณฑ์เก่าอาจไปกองรวมเป็นขยะกองโตสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศกำลังพัฒนา ขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่ส่งจะสหรัฐไปยังประเทศอื่นเข้าสู่กระบวนการคัดแยกซึ่งใช้แรงงานยากจนเป็นผู้คัดแยกเสี่ยงต่อการสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตรายเมื่อพยายามงัดแงะเอาโลหะหรือชิ้นส่วนที่มีค่าออกมาจากผลิตภัณฑ์ ทั้งแอปเปิลก็ยังไม่รับคืนคอมพิวเตอร์เก่าที่ขายผ่านร้านค้ารายย่อยอีกด้วย
กระนั้นก็ตาม ผลจากการตอบสนองของแอปเปิลต่อการถูกวิจารณ์ด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมทำให้กลุ่มกรีนพีซออกมาระบุที่จะปรับเพิ่มคะแนนให้กับแอปเปิลในการวัดผล "ข้อแนะนำเพื่อการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" ในเดือนมิ.ย. นี้ ซึ่งแอปเปิลอาจได้คะแนนเพิ่มเป็น 5 จาก 10 แต้มจากปัจจุบันที่มีคะแนนอยู่ที่เพียง 2.7 แต้ม

1000สุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจไปทั่วโลกของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และผู้สร้าง Macintoch

1000สุนทรพจน์ที่สร้างความประทับใจไปทั่วโลกของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple และผู้สร้าง Macintoch โอวาทที่ Steve Jobs ผู้สร้าง Macintosh แสดงในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัย Stanford เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างความประทับใจให้แก่บัณฑิตจบใหม่ในวันนั้น แต่ยังรวมไปถึงโลกคอมพิวเตอร์ที่ Silicon Valley และยังคงได้รับการชื่นชมและกล่าวขวัญไปทั่วโลกจนถึงวันนี้ สุนทรพจน์วันนั้น Jobs เพียงแต่เล่าถึงบทเรียนในชีวิตของเขา 3 บท แต่เป็น 3 บทที่ทำให้เขาซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงก็ไม่ต้องการ กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก บทเรียนบทแรกของ Jobs ซึ่งเขาเรียกมันว่า “การลากเส้นต่อจุด” เริ่มต้นด้วยการเล่าว่า ตัวเขาเองไม่เคยเรียนจบมหาวิทยาลัย เพราะได้ลาออกหลังจากเรียนในมหาวิทยาลัย Reed College ไปได้เพียง 6 เดือน ส่วนเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยนั้น Jobs กล่าวว่า มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เขายังไม่เกิด แม่ที่แท้จริงของเขา ซึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องการเลี้ยงดูเขา และตัดสินใจยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่นตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก แต่เธอมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่บุญธรรมของลูกของเธอจะต้องเรียนจบมหาวิทยาลัย Jobs เกือบจะได้เป็นลูกบุญธรรมของนักกฎหมายที่จบมหาวิทยาลัยและมีฐานะ ถ้าเพียงแต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายว่า พวกเขาไม่ต้องการเด็กผู้ชาย กว่า Jobs จะได้พ่อแม่บุญธรรม ซึ่งต่อมาเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ ก็อีกหลายเดือนหลังจากเขาเกิด เนื่องจากแม่ที่แท้จริงของเขาเกิดจับได้ว่า ว่าที่พ่อแม่บุญธรรมของ Jobs ได้ปิดบังระดับการศึกษาที่แท้จริงซึ่งไม่ได้จบมหาวิทยาลัย และพ่อบุญธรรมของ Jobs ไม่ได้เรียนมัธยมด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอก็ได้ยอมเซ็นยก Jobs ให้แก่พ่อแม่บุญธรรม เมื่อพวกเขารับปากว่าจะส่งเสียให้ Jobs ได้เรียนมหาวิทยาลัย 17 ปีต่อมา Jobs ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสมตามความต้องการของแม่ที่แท้จริง ผู้ไม่เคยเลี้ยงดูเขาแต่กลับต้องการกำหนดชะตาชีวิตของลูกที่ตนไม่เคยเลี้ยงดู เพียง 6 เดือนในมหาวิทยาลัย Jobs ใช้เงินเก็บที่พ่อแม่บุญธรรมซึ่งเป็นเพียงชนชั้นแรงงานได้สะสมมาตลอดชีวิต หมดไปกับค่าเล่าเรียนที่แสนแพง Jobs ตัดสินใจลาออก เพราะเขามองไม่เห็นคุณค่าของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่สามารถช่วยให้เขาคิดได้ว่า เขาต้องการจะทำอะไรในชีวิต แม้ว่าตอนนี้เมื่อมองกลับไปเขาจะรู้สึกว่า การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เพราะการลาออกทำให้เขาไม่ต้องฝืนเข้าเรียนในวิชาปกติที่บังคับเรียน ซึ่งเขาไม่เคยชอบหรือสนใจ แต่สามารถเข้าเรียนในวิชาที่เขาเห็นว่าน่าสนใจได้ แต่เขาก็ยอมรับว่า นั่นเป็นชีวิตที่ยากลำบาก เมื่อเขาไม่ได้เป็นนักศึกษาจึงไม่มีห้องพักในหอพัก และต้องนอนกับพื้นในห้องของเพื่อน ต้องเก็บขวดโค้กที่ทิ้งแล้วไปแลกเงินมัดจำขวดเพียงขวดละ 5 เซ็นต์ เพื่อนำเงินนั้นไปซื้ออาหาร และต้องเดินไกล 7 ไมล์ทุกคืนวันอาทิตย์ เพื่อไปกินอาหารดีๆ สัปดาห์ละหนึ่งมื้อที่วัด Hare Krishna อย่างไรก็ตาม เขาชอบที่หลังจากลาออก เขาสามารถที่จะไปเข้าเรียนวิชาใดก็ได้ที่สนใจ และวิชาทั้งหลายที่เขาได้เรียนในช่วงนั้น ซึ่งเขาใช้เวลาทั้งหมด 18 เดือน โดยเลือกเรียนตามแต่ความสนใจและสัญชาตญาณของเขาจะพาไป ได้กลายมาเป็นความรู้ที่หาค่ามิได้ให้แก่ชีวิตของเขาในเวลาต่อมา และหนึ่งในนั้นคือ วิชา ศิลปะการประดิษฐ์และออกแบบตัวอักษร (calligraphy) Jobs ยอมรับว่า ในตอนนั้นเขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกันว่า จะนำความรู้ที่ได้จากวิชานี้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้ในอนาคตของเขา แต่ 10 ปีหลังจากนั้น เมื่อเขากับเพื่อนช่วยกันออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh เครื่องแรก วิชานี้ได้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไม่เคยนึกฝันมาก่อน และทำให้ Mac กลายเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ที่มีการออกแบบตัวอักษรและการจัดช่องไฟที่สวยงาม ถ้าหากเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย เขาก็คงจะไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนวิชานี้ และ Mac ก็คงไม่อาจจะมีตัวอักษรแบบต่างๆ ที่หลากหลาย หรือ font ที่มีการเรียงพิมพ์ที่ได้สัดส่วนสวยงาม รวมทั้งเครื่องพีซี ซึ่งใช้ Windows ที่ลอกแบบไปจาก Mac อีกต่อหนึ่งก็เช่นกัน คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆ ใช้อย่างที่มีอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม Jobs บอกว่า ในเวลาที่เขาตัดสินใจลาออกนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถ “ลากเส้นต่อจุด” หรือหยั่งรู้อนาคตได้ว่า วิชาออกแบบและประดิษฐ์ตัวอักษร (คอลิกราฟฟี่) จะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ในการออกแบบ Mac เขาเพียงสามารถจะลากเส้นต่อจุดระหว่างวิชา ลิปิศิลป์กับการคิดค้นเครื่อง Mac ได้อย่างชัดเจน ก็ต่อเมื่อมองย้อนกลับไปข้างหลังเท่านั้น ในเมื่อไม่มีใครที่จะลากเส้นต่อจุดไปในอนาคตได้ ดังนั้นคำแนะนำของ Jobs ก็คือ คุณจะต้อง “ไว้ใจและเชื่อมั่น” ว่า จุดทั้งหลายที่คุณได้ผ่านมาในชีวิตคุณ มันจะหาทางลากเส้นต่อเข้าด้วยกันเองในอนาคต ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา โชคชะตา ชีวิต หรือกฎแห่งกรรม ขอเพียงแต่คุณต้องมีศรัทธาในสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่ บทเรียนชีวิตบทที่สองที่ Jobs เล่าต่อไปคือ ความรักและการสูญเสีย Jobs อายุเพียง 20 ปี เมื่อเขาเริ่มก่อตั้ง Apple กับเพื่อนที่โรงรถของพ่อ เพียง 10 ปีให้หลัง Apple เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์และพนักงานมากกว่า 4,000 คน แต่หลังจากที่เขาเพิ่งเปิดตัว Macintosh ซึ่งเป็นประดิษฐกรรมสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของเขา ได้เพียงปีเดียว Jobs ก็ถูกไล่ออกจากบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเองกับมือ เมื่ออายุเพียงแค่ 30 ปี หลังจากเขาทะเลาะถึงขั้นแตกหักกับนักบริหารมืออาชีพ ที่เขาเองเป็นผู้ว่าจ้างให้มาบริหาร Apple และกรรมการบริษัทกลับเข้าข้างผู้บริหารคนนั้น ข่าวการถูกไล่ออกของเขาเป็นข่าวที่ใหญ่มาก และเช่นเดียวกัน มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Jobs กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่เขาได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา และเขารู้สึกเหมือนตัวเองพังทลาย เขาไม่รู้จะทำอะไรอยู่หลายเดือน และถึงกับคิดจะหนีออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งกลับค่อยๆ สว่างขึ้นข้างในตัวเขา และเขาก็พบว่า เขายังคงรักในสิ่งที่เขาทำมาแล้ว ความล้มเหลวที่ Apple มิอาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วแม้เพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาพบว่า การถูกอัปเปหิจาก Apple กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา เพราะความหนักอึ้งของการประสบความสำเร็จได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายของการเป็นมือใหม่อีกครั้ง และช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ จนสามารถเข้าสู่ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุดในชีวิตของเขา ช่วง 5 ปีหลังจากนั้น Jobs ได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar และพบรักกับ Laurence ซึ่งต่อมาเป็นภรรยาของเขา Pixar ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story และขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ส่วน Apple กลับมาซื้อ NeXT ซึ่งทำให้ Jobs ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง และเทคโนโลยีที่เขาได้คิดค้นขึ้นที่ NeXT ได้กลายมาเป็นหัวใจของยุคฟื้นฟูของ Apple Jobs กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขมแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก Jobs เชื่อว่า สิ่งเดียวที่ทำให้เขาลุกขึ้นได้ในครั้งนั้น คือเขารักในสิ่งที่เขาทำ ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่คุณจะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว ส่วนบทเรียนชีวิตบทสุดท้ายในโอวาทของเขาคือ ความตาย เมื่ออายุ 17 ปี Jobs ประทับใจในข้อความหนึ่งที่เขาได้อ่านมา ซึ่งเสนอแนวคิดให้คนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอด 33 ปีที่ผ่านมา Jobs จะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่เขากำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น “ไม่” ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง Jobs กล่าวว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวันตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่าความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่านั้น วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อนชนิดที่รักษาไม่ได้ และจะตายภายในเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ถึงกับบอกให้เขากลับไปสั่งเสียครอบครัว ซึ่งเท่ากับเตรียมตัวตาย แต่แล้วในเย็นวันเดียวกัน เมื่อแพทย์ได้ใช้กล้องสอดเข้าไปตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อนของเขาออกมาตรวจอย่างละเอียด ก็กลับพบว่า มะเร็งตับอ่อนที่เขาเป็นนั้นแม้จะเป็นชนิดที่พบได้ยากก็จริง แต่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด และเขาก็ได้รับการผ่าตัดและหายดีแล้ว นั่นเป็นการเข้าใกล้ความตายมากที่สุดเท่าที่ Jobs เคยเผชิญมา และทำให้ขณะนี้เขายิ่งสามารถพูดได้เต็มปากเสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เขาเพียงแต่ใช้ความตายมาเตือนตัวเองเป็นมรณานุสติว่า ไม่มีใครที่อยากตาย แม้แต่คนที่อยากขึ้นสวรรค์ก็ยังไม่อยากตายก่อนเพื่อจะไปสวรรค์ แต่ก็ไม่มีใครหลีกหนีความตายพ้น และเขาคิดว่า มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น Jobs เห็นว่า ความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ “ชีวิต” ความตาย คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ความตายกวาดล้างสิ่งเก่าๆ ให้หมดไปเพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งใหม่ๆ ดังนั้น Jobs บอกว่า เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ... คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนา และสัญชาตญาณของคุณจะพาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่า คุณต้องการจะเป็นอะไร Jobs ปิดท้ายสุนทรพจน์ของเขา ด้วยการหยิบยกวลีที่อยู่ใต้ภาพบนปกหลังของวารสารฉบับสุดท้ายของวารสารเล่มหนึ่งที่เลิกผลิตไปตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งเขาเปรียบวารสารดังกล่าวเป็น Google บนแผ่นกระดาษ และเป็นประดุจคัมภีร์ของคนรุ่นเขา วารสารดังกล่าวมีชื่อว่า The Whole Earth Catalog จัดทำโดย Stewart Brand ส่วนวลีนั้นคือ “จงหิวโหย จงโง่เขลาอยู่เสมอ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา Fortune ฉบับเดือนกันยายน 2548 แปลและเรียบเรียงโดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์............................................................ มอบบทความที่ดีนี้ให้แก่นักสร้างบารมีทุกคนจงหิวโหย และ จงโง่เขลา ฟังดูเผินๆ เหมือนไม่มีอะไรนะแต่เมือคิดให้ลึกซึ้งแล้วน่าทึ่งที่สามารถจับประเด็นของชีวิตได้เยี่ยมมากเลย เตือนให้ตัวเองไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ให้เร่งขวนขวายแสวงหาอยู่ร่ำไป

ส่วนแบ่งตลาดแอปเปิลเพิ่มขึ้น

Net Applications ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดของการใช้ระบบปฏิบัติการ ทั้งบนคอมพิวเตอร์และบนโทรศัพท์มือถือ
เมื่อเดือนที่พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น Mac OS มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6.8% เทียบกับ 5.39% เมื่อเวลาเดียวกันปีที่แล้ว สรุปส่วนต่างอยู่ที่ +1.41%
ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งวินโดวส์ก็ลดลงจาก 94.16% มาอยู่ที่ 92.42% มีส่วนต่างคือ -1.74%
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกอันที่น่าสนใจก็คือไอโฟน ซึ่งกลายเป็นระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือที่ถูกนำมาใช้ในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตมากที่สุดแทนที่ Windows Mobile จากไมโครซอฟท์ไปแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ตัวเลขพวกนี้วัดจากการใช้อินเทอร์เน็ตของระบบเท่านั้น หากใครต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลขพวกนี้และที่มา เข้าไปดูได้ที่นี่ครับ

สรุปรวมรีวิว MacBook Air จากสื่อชั้นนำ

สำนักข่าวหลาย ๆ แห่งหลังจากที่ได้สัมผัสกับ MacBook Air เริ่มออกรีวิวกันมาแล้วครับ
Wall Street Journal
หน้าตาดูสวยงามมาก บางอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยากที่จะอธิบายความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสมันเพราะว่าคุณต้องรู้สึกกับมันด้วยมือ
จอภาพและคีย์บอร์ดใช้งานได้น่าพอใจมาก
ความเร็วดี
ข้อจำกัด: แบตเตอรี่เปลี่ยนไม่ได้ ไม่มีไดรว์ CD/DVD และไม่มีที่ต่อ Ethernet
จากการทดสอบแบตเตอรี่: ถ้าหากปรับความสว่างสูงสุด เปิด Wi-Fi และเล่นเพลงตลอดเวลา ใช้งานได้นานประมาณ​ 3 ชั่วโมง 24 นาที
Newsweek
เมื่อเอาเครื่องไปใส่ในกระเป๋าเป้ที่ใช้แบก MacBook Pro ปกติแล้วจะรู้สึกเหมือนกับว่ากระเป๋ายังว่างอยู่
ความเบาและบางของมันทำให้คุณเลิกคิดว่าควรจะเอาคอมพิวเตอร์ติดตัวไปกับคุณด้วยหรือไม่
ไม่ร้อนเท่าโน้ตบุคแอปเปิลตัวอื่น
ขนาดความจุสูงสุดที่ 80GB ยังไม่มี 160GB เนื่องจากความบางของเครื่อง
USA Today
เครื่องแข็งแรงกว่าที่คิด
มันไม่ใช่สำหรับทุกคน (เนื่องจากข้อจำกัดบางอย่าง แบตเตอรี่ที่เปลี่ยนไม่ได้ และช่องเชื่อมต่อที่จำกัด ฯลฯ)
จ็อบส์บอกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแอปเปิลเกือบจะใส่ความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 3G เข้าไปแล้วในตอนแรก แต่ปัญหาคือมันจะต้องใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในตัวเครื่องและยังเป็นการจำกัดลูกค้าให้ใช้กับเครือข่ายหนึ่งเครือข่ายเดียว
การทดสอบแบตเตอรี่: เล่นเน็ต ดึงข้อมูลจากเครื่องอื่น ใช้ได้ 3 ชั่วโมง 40 นาที
ราคาขายของ MacBook Air ในประเทศไทยอยู่ที่ 68,500 บาทสำหรับรุ่น 1.6GHz และ 79,900 บาทสำหรับรุ่น 1.8GHz และสุดท้าย 115,500 บาทสำหรับรุ่น 1.8GHz ที่มาพร้อมกับ Solid-State Disk
ที่มา - MacRumors

Mac OS X เวอร์ชั่น 10.5 Leopard

นายโทนี่ ลี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ บริษัท แอปเปิ้ล เอเชีย กล่าวว่า “Mac OS X Leopard” เป็นระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ เบสตัวที่ 5 ในตระกูลเสือจากแอปเปิ้ลที่รองรับแอพลิเคชัน ทั้งแบบ 64 บิต และ 32 บิตด้วยวิชชวลเมมโมรี และทำงานแบบมัลติทาสก์กิ้งได้ โดยเลพเพิร์ดมีการเปลี่ยนแปลงภายในมากกว่า 300 รายการจาก Mac OS X Tiger เริ่มจาก Desktop ใหม่ของเลพเพิร์ดประกอบด้วยแถบ Dock 3 มิติที่ได้รับการออกแบบใหม่ เมื่อเปิดแอพลิเคชัน หรือหน้าต่างเงาของหน้าต่างนั่นจะสะท้อนกับพื้นของ Dock พร้อมวิธีใหม่ในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายที่เรียกว่า “Stack” ผจก.ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ บ.แอปเปิ้ลฯ กล่าวต่อว่า เว็บไซต์ อีเมล์ และไฟล์ดาวน์โหลดอื่นๆ ที่เปิดบนหน้าเดสก์ท็อปไว้ใน Stack ที่ชื่อ Downloads เพื่อให้ หน้าจอดูสะอาดตา และผู้ใช้ยังแตกรายละเอียดของ Stack ดังกล่าว รวมถึง Stack อื่นๆ ให้เห็นในทรงโค้งจากแถบ Dock ได้ทันที อีกทั้งผู้ใช้ยังสร้าง Stack ของตัวเองเพื่อเก็บโฟลเดอร์ เอกสาร และโปรแกรมเพื่อความง่ายดายในการค้นหา ส่วน Finder รูปลักษณ์ใหม่จะประกอบด้วย Cover Flow และ Sidebar แบบใหม่ที่ช่วยให้ทั้งการค้นหา บราวซ์และคัดลอกไฟล์จากพีซี หรือเครื่องแมคที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันง่ายดายขึ้น คล้ายกับการใช้โปรแกรมไอทูนส์ (iTunes) ที่ผู้ใช้ไอพ็อด (iPod) นายโทนี ลี กล่าวถึงลูกเล่นใหม่ว่า ผู้ใช้งานสามารถค้นหาไฟล์ที่บรรจุอยู่ในคอมพิวเตอร์เครือข่ายเดียวกันได้ด้วย Spotlight บราวส์ได้ด้วย Cover Flow และคัดลอกไฟล์ได้โดยง่ายด้วยการ drag and drop ส่วนสมาชิก .Mac ก็สามารถใช้ลูกเล่น Back to My Mac แบบใหม่เพื่อเข้าดู และเข้าดูไฟล์ที่อยู่ในเครื่องแมคผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วย และ Quick Look คือวิธีที่รวดเร็วและง่ายที่สุดในการเข้าดูไฟล์ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดตัวไฟล์ หรือโปรแกรมนั้นๆ ด้วยมุมมองเดียวกันกับที่ปรากฏใน Finder และ Spaces เพิ่มประสิทธิภาพใหม่ในการจัดการงานบนหน้าจอ แล้วสร้าง หน้าจอเพื่อใส่โปรแกรม และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละส่วนๆ ผจก.ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ บ.แอปเปิ้ลฯ กล่าวถึงการสำรองข้อมูลว่า โปรแกรม Time Machine ให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในเครื่องแมค ค้นหาข้อมูลที่สูญหาย หรือแม้แต่กู้ซอฟต์แวร์กลับคืนมา Time Machine จะทำการบันทึกข้อมูล ณ ขณะนั้นโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ไฟล์ใดก็ตามหายไป ผู้ใช้สามารถค้นหาไฟล์ โปรแกรม รูปภาพ หรือสื่อเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่ถูกลบไปแล้ว และกู้คืนกลับมาได้ทันที นอกจากนี้ Leopard ยังกู้ระบบทั้งหมดให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้จากข้อมูล Time Machine ที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์เชื่อมต่อภายนอกได้ด้วย
นายโทนี กล่าวอีกว่า Mail มาพร้อมกับรูปแบบที่สวยงามกว่า 30 แบบ ทำให้ผู้ใช้ส่งอีเมล์พร้อมกราฟฟิกและรูปสวยๆ ได้ง่ายๆ Notes และ To Dos ทำหน้าที่คล้ายอีเมล์ที่สร้างบันทึกเป็นฉบับร่าง ใช้ร่วมกับแมคหลายเครื่อง และจัดเก็บใน Smart Mailbox ได้ ส่วน Data Detector ค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และเหตุการณ์สำคัญเพื่อจัดเก็บเพิ่มเติมใน Address Book หรือ iCal ได้ นอกจากนี้ยังเกาะติดข่าวสารล่าสุด ได้ด้วย RSS reader พร้อมทั้ง iChat ใหม่ช่วยให้การประชุมออนไลน์เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น ด้วยภาพเคลื่อนไหวที่คมชัดผ่าน iChat Theater ยังมีลูกเล่นอย่าง Screen Sharing ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ที่อยู่ต่างสถานที่ใช้งานแมคอีกเครื่องได้ ผจก.ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ บ.แอปเปิ้ลฯ กล่าวถึงความสามารถใหม่อื่นๆ ในเลพเพิร์ด ว่า มีฟังก์ชันกลั่นกรองเนื้อห่าบนเว็บไซต์ โปรแกรม Boot Camp ฉบับสมบูรณ์ ทำให้สามารถใช้งานวินโดวส์บนเครื่องแมคที่ใช้ซีพียูของอินเทลได้หลังจากก่อนหน้านี้เป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง Front Row เวอร์ชันใหม่ การฟังเพลงและชมภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ รวมถึงภาพถ่ายบนเครื่องแมคเป็นเรื่องง่ายขึ้นด้วยการใช้ Apple Remote อีกทั้ง Dictionary พร้อมวิกิพีเดียทำให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลทุกหัวข้อได้ในพริบตา ลูกเล่นใหม่ของ Photo Booth ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง buddy icon แบบเคลื่อนไหวในโปรแกรม iChat หรือดัดแปลงรูปและเปลี่ยนฉากหลังสนุกๆ ด้วยภาพนิ่งหรือภาพวิดีโอ และ iCal ปรับปรุงใหม่ที่รองรับการบันทึกปฏิทินโดยผู้ใช้หลายคนได้ พร้อมทั้งมาตรฐาน CalDAV แบบใหม่และอื่นๆ อีกมากมาย
นายโทนี กล่าวด้วยว่า สำหรับราคาและกำหนดการวางตลาด Mac OS X เวอร์ชั่น 10.5 Leopard จะวางจำหน่าย ที่ ร้านตัวแทยจำหน่าแอปเปิ้ลไอสตูดิโอ ในราคา 5,690 บาท สำหรับ1 ยูสเซอร์ และ Mac OS X Leopard Family Pack ที่ให้สิทธิใช้งาน 5 คน ภายในครัวเรือนเดียวกัน จะวางจำหน่ายในราคา 8,590 บาท ส่วนแพ็คเกจอัพเดท Mac OS แบบมาตรฐาน จะวางจำหน่ายแบบเป็นทางการในราคา 330 บาท ทั้งนี้เครื่องแมคที่ใช้เลพเพิร์ดได้ต้องมี โพรเซสเซอร์ของอินเทล PowerPC G5 หรือ G4 (867 Mhz หรือเร็วกว่า) และมีหน่วยความจำไม่ต่ำกว่า 512 MB

จากัวร์ โอเอสใหม่

ที่ผ่านมา เครื่องแมคอินทอช จะเสียเปรียบเรื่องราคาขายที่สูงกว่าเครื่องพีซีธรรมดา และระบบปฎิบัติการ OS ไม่สามารถปรับใช้กับเครื่องพีซีได้ เพราะระบบปฏิบัติการโอเอส วินโดว์ส ครองส่วนแบ่งการตลาดเครื่องพีซีกว่า 97% ฐานลูกค้าจึงเป็นตลาดเฉพาะ (niche market) แอปเปิลต้องหากลยุทธ์ใหม่ด้วยการเปิดตัว โอเอสใหม่ “Mac OS 10.2” หรือ จากัวร์” ตอบสนองการใช้งานเพิ่มขึ้น
นายสตีฟ จอบส์ หัวหน้าฝ่ายบริหารของบริษัทแอปเปิล เปิดเผยว่า ระบบปฏิบัติการจากัวร์ เป็นการเพิ่มคุณสมบัติฟังก์ชั่น และ ฟีเจอร์ใหม่ๆ กว่า 150 ชนิดเข้ามาเพื่อสนองตัวผู้ใช้เครื่องแมคให้ครอบคลุมมากที่สุด เช่น การปรับแต่งอินเตอร์เฟสและระบบการทำงานที่เปิดโอกาสให้ทำอะไรๆ ได้มากขึ้น และโปรแกรมอีเมล์ใหม่ ที่ใช้แอดเดรสบุ๊คเวอร์ชั่น ล่าสุด พร้อมฟิลเตอร์กรองสแปมเมลในตัว นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ ในกลุ่ม “ดิจิตอล ฮับ” ของบริษัท ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วย กล้องดิจิตอล, กล้องบันทึกภาพวิดีโอ, เครื่องเล่นเพลง และดีวีดี และจะวางจำหน่ายได้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้
ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า แอปเปิลเปิดตัวโปรแกรมปฏิบัติการอัพเดทบ่อยเกินไป โดยเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Mac OS10.0 เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2544 ต่อด้วยรุ่น 10.1 เมื่อเดือนกันยายน ซึ่งการเปิดตัวโอเอสจากัวร์เป็นเพียงแค่การแก้บั๊กในตัวโอเอสมากกว่า
“ตลาดระบบปฏิบัติการ โอเอส เทน 10.1 ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ที่ทางบริษัทควรจะปล่อยระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ออกมาจากมุมมองด้านเทคนิค แอปเปิลกำลังทำลายแหล่งรายได้เก่าของตน และหันไปหาแหล่งรายได้ใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ฉกฉวย ผลกำไรจากสินค้ารุ่นก่อนหน้านี้อย่างเต็มที่”

ปัญหาของคอมพิวเตอร์แอปเปิล

“ปัญหาของคอมพิวเตอร์แอปเปิล ที่พบคือ คู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างไอบีเอ็มแย่งมาร์เก็ตแชร์ไปได้มาก และเมื่อเกิดระบบปฏิบัติการ Windows ขึ้น แอปเปิลจึงลดความนิยมลง ประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตได้คือ ทำไมจึงให้ความสำคัญกับความเที่ยงตรง และประสิทธิผลของคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว (Convention) จึงได้ข้อสรุปว่า คอมพิวเตอร์มีไว้สำหรับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลก (Vision : Tools for creative people who have a passion to change the world)”
สำหรับแอปเปิล สาขาประเทศไทย ยังคงรับนโยบายบริหารจากบริษัทแม่ เพื่อผลักดัน ยอดขายเครื่องแมคอินทอชอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ข้อมูลจากไอดีซี เปิดเปิดว่า ยอดขายเครื่อง แมคอินทอชสามารถเพิ่มส่วนแบ่งจาก1.7%ใน ปีที่แล้ว เป็น 2.3%ในไตรมาสสองของปีนี้ นายภาคภูมิ เสตะรัต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวถึงสาเหตุยอดขายของแมคที่เพิ่มขึ้น น่ามาจาก กิจกรรมการตลาดที่เราทำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเปิดศูนย์แอปเปิลเพิ่ม 3 แห่งที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ สีลมคอมเพล็กซ์ และ พันธทิพย์ พลาซ่า ในการรองรับลูกค้าแมค
ส่วนกิจกรรมการตลาดที่เราจะทำในไตรมาส 3 คือ เปิดเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของ คนทันสมัยไร้ขีดจำกัด ด้วยการเป็นพันธมิตร 3 รายระหว่าง แอปเปิล สามารถ เทลคอม และ สยามดิสคัฟเวอรี่ เซ็นเตอร์ “โครงการนี้เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในไทย ในการติดตั้งแอปเปิล AirPort Base Station เครื่องรับส่งสัญญาณที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงแบบ ADSL (Asymmetrix Digital Subscriber Line) ของสามารถ เทลคอม รองรับดาวน์โหลด ข้อมูลได้สูงสุด 8 Mbps เหมาะกับการเล่นอินเทอร์เน็ต ช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมออนไลน์ แบบไร้ขีดจำกัดตลอด 24 ชั่วโมง”

แอปเปิลเตรียมอัพเดท iMac ใหม่เร็ว ๆ นี้

สื่อหลายสำนักคาดว่าแอปเปิลเตรียมวางขาย iMac รุ่นใหม่วันอังคารที่จะถึงนี้
โดยตามที่คาดไว้นั้น iMac ใหม่นั้นจะมีการเปลี่ยนมาใช้แพลทฟอร์ม Penryn จากอินเทล และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงวีดีโอการ์ด แรม และฮาร์ดดิสก์ในสเปค
ส่วนเรื่องราคาคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยรุ่นเล็กสุดอยู่ที่ 1199 ดอลลาร์ รุ่นกลาง 1499 ดอลลาร์ และรุ่น 24 นิ้วอยู่ที่ 1799 ดอลลาร์
จากรายงานต่าง ๆ ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการอัพเดทหรือปรับปรุง Mac mini แต่อย่างใด

เครื่องแมคยอดพุ่ง ส่วนแบ่งตลาดขายปลีกสูง 66%

eWeek ได้รายงานเกี่ยวกับส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลล่าสุด โดยจากตัวเลขของ NPD Group ในไตรมาสแรกของปีนี้ จากการขายปลีกแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาด 14% โดยตัวเลขนี้ไม่รวมการขายออนไลน์ หรือการขายเป็นชุดให้แก่สถาบันหรือบริษัทต่าง ๆ
ที่น่าตกใจก็คือเมื่อมาดูในกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ​ 32,000 บาท) แล้วละก็คอมพิวเตอร์จากแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 66% โดยส่วนแบ่งตลาดสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสูงถึง 70% ในขณะที่โน้ตบุคอยู่ที่ 64%
จากรายงานในปี 2006 นั้นตัวเลขเดียวกันนี้ของแอปเปิลตามรายงานโดย Fortune นั้นแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาด 18% และพุ่งขึ้นมาเป็น 57% เดือนกันยายนปีที่แล้ว จากนั้น 66% ในไตรมาสแรกที่ผ่านมานี้
ที่สำคัญกว่าสำหรับแอปเปิลตอนนี้คือตลาดคอมพิวเตอร์ราคาสูงกว่าพันดอลลาร์นี้ ถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง เพราะถ้าหากมันถึงแล้วอาจจะส่งผลทำให้ไม่มีการเติบโตของยอดขาย และแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแอปเปิลอาจจะต้องตัดสินใจที่จะปล่อยสินค้าในกลุ่มราคาต่ำกว่าพันดอลลาร์หากต้องการขยายตลาด โดยตอนนี้แอปเปิลมีเพียงแค่ Mac mini เท่านั้นที่ราคาต่ำกว่าหนึ่งพันดอลลาร์

ที่มา - Slashdot และ MacRumors

แอปเปิลวางคอนเซ็ปต์“Disruption” ขายสินค้าเน้นดีไซน์เพิ่มส่วนแบ่ง

การกลับเข้ารับตำแหน่ง CEO รอบใหม่ ของสตีฟ จ็อบส์ เป็นเสมือนการแจ้งเกิดอีกครั้งของแอปเปิลและตัวสตีฟ จ็อบส์ หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้บริหารของแอปเปิล คอมพิวเตอร์เมื่อปีก่อนเขามาพร้อมกลยุทธ์การตลาดใหม่ กับคอนเซ็ปต์ “Disruption” ที่บริษัท เอเยนซี่ TBWA เวิร์ดไวด์คิดค้นนวตกรรมใหม่ ภายใต้แนวคิด Think Creative และ Develop Brand สินค้าแอปเปิลกลับสู่ตลาดอีกครั้ง

เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่น IMAC รุ่นใหม่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของแอปเปิลที่สร้างจุดต่างของสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ด้วยจุดขายด้านดีไซน์ รูปลักษณ์ล้ำสมัย ต่างจากเครื่องพีซีธรรมดา และสามารถขายได้ 278,000 เครื่อง ภายใน 60 วันนับแต่วันเปิดตัว
ส่วนเครื่องรุ่น G4 ก็สามารถขายได้ 1 แสนเครื่อง ส่งผลให้ส่วนแบ่งราคา (Share Price) เพิ่มขึ้น 18% ในระยะเวลา 10 เดือน และกลายมาเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์งานที่ใช้งานง่าย แม้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งอินเตอร์แบรนด์ และโลคัลแบรนด์ จะพยายามเลียบแบบด้วยการปรับรูปโฉมให้ทันสมัย เพื่อให้คล้ายกับเครื่อง แมคอินทอชก็ตาม

ใกล้แล้ว Mac OS X 10.5.3

ร่วมสองเดือนแล้วที่นักพัฒนาของแอปเปิลได้ทำการทดสอบ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ Mac OS X Leopard เวอร์ชั่นล่าสุด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Mac OS X 10.5.3 เวอร์ชั่นทดสอบ (build 9D34) ได้ถูกส่งให้นักพัฒนา ซึ่งมีจุดที่ต้องแก้ไขเพียงจุดเดียว ตอนนี้ยังไม่มีการพบปัญหาใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีของคนใช้แมค ถ้านับจากที่ Mac OS X 10.5.2 ถูกส่งออกมา มีการแก้ไขปัญหาไปแล้วมากกว่า 200 จุด (คนใช้แมคตอนนี้คงคิดว่า เครื่องผมตอนนี้มีบั๊กมากสองร้อยที่เลยหรอ?)
ตอนนี้ก็ยังไม่มีกำหนดวันที่ที่ Mac OS X 10.5.3 จะออกมาให้คนใช้แมคอัพเดทกัน ซึ่งหลายคนคาดไว้ว่าน่าจะเป็นต้นเดือนหน้าที่มีงาน Apple’s Worldwide Developer Conference (WWDC) ในวันที่ 9 มิถุนายน